6 ข้อน่ารู้ ก่อนตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อที่จะได้ไม่ผิดหวัง

black car in a parking lot

กระแสรถยนต์ไฟฟ้ามาแรงไม่หยุด เพราะใคร ๆ ก็อยากจะหนีน้ำมันแพง แต่อย่าเพิ่งซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ถ้ายังไม่รู้จริง! มาดู 6 ข้อน่ารู้ ก่อนตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อที่คุณจะได้ไม่ผิดหวังหลังจากซื้อรถ

1 ต้องมีเวลาในการชาร์จไฟ

สิ่งสำคัญของการใช้รถยนต์ไฟฟ้า คือต้องมีเวลา ถึงแม้ว่าราคาในการชาร์จไฟจะถูกกว่าการเติมน้ำมัน แต่อย่าลืมว่าการเติมน้ำมันใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที  การชาร์จไฟของรถยนต์ไฟฟ้าจะใช้เวลาเร็วที่สุด 40-60 นาที (ชาร์จไวแบบ DC Charging) แต่ถ้าเป็นการชาร์จแบบธรรมดาด้วยไฟบ้าน (AC) ใช้เวลานาน 12-16 ชม. ดังนั้นหากใครที่อยากซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ก็ต้องคิดดูให้ดี ถึงแม้ค่าใช้จ่ายในการเติมพลังงาน จะถูกกว่าการเติมน้ำมันจริง แต่ก็ต้องแลกมาด้วยเวลาที่เสียไปมากขึ้น

2 ใช้ขับที่ไหน

การเลือกรถให้ตรงกับการใช้งานประจำวันนั้นสำคัญ ถ้าคุณเป็นคนที่ขับรถในเมืองเป็นประจำ มีเส้นทางในการขับรถแบบเดิม ๆ ในทุก ๆ วัน การซื้อรถยนต์ไฟฟ้าจะตอบโจทย์ต่อการใช้งานของคุณ แต่ในมุมกลับกัน หากคุณมักจะขับรถข้ามจังหวัดเป็นประจำ มีการเปลี่ยนเส้นทางในการขับรถบ่อย ๆ ไปในพื้นที่ไม่คุ้นชิน ขอไม่แนะนำให้คุณเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากหาสถานีชาร์จไฟฟ้าได้ยาก โดยเฉพาะการขับรถออกต่างจังหวัด หรือมีการขับรถไปยังที่ลำบากอย่างขับขึ้น-ลงเขาเป็นประจำ รถยนต์ไฟฟ้าของคุณอาจความร้อนขึ้นได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ให้ขับออกต่างจังหวัด หรือขึ้น-ลงภูเขา ที่ลาดชันเลย คุณยังสามารถขับรถยนต์ไฟฟ้าไปเที่ยวได้ แต่ไม่ใช่เป็นการขับประจำ

3 ตรวจสอบสถานีชาร์จใกล้บ้านคุณ

สำคัญมากสำหรับผู้ที่อยู่คอนโด ไม่สามารถขับรถยนต์ไฟฟ้าไปชาร์จบนบ้านได้ คุณจะต้องตรวจสอบสถานีชาร์จรถ ในเส้นทางขับรถไปกลับบ้านของคุณ ว่ามีบริเวณไหนใกล้เคียงบ้าง เพื่อที่จะได้นำรถเข้าไปชาร์จ ทางที่ดีการมีที่ชาร์จไฟในบ้าน จะตอบโจทย์ต่อการซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า แต่ถึงอย่างนั้นถ้าจะทำให้บ้านของคุณชาร์จรถไฟฟ้าได้ อาจต้องให้ช่างเข้ามาเดินวงจรสายไฟแยก เพื่อความปลอดภัย ในตรงนี้จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม

4 บริการหลังการขาย

ค่าบำรุงรักษาของรถยนต์ไฟฟ้า ต้องยอมรับว่ามีค่าใช้จ่ายที่สูง โดยเฉพาะอะไหล่ที่สำคัญ ที่เรียกได้ว่าเป็นหัวใจของรถไฟฟ้า “แบตเตอรี่” เรียกได้ว่าเปลี่ยนที กระเป๋าตังค์เบาแน่นอน ถ้าได้เปลี่ยนขึ้นมาทีก็หลักแสนแน่นอน เพราะฉะนั้นก่อนการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า จะต้องเลือกยี่ห้อที่มีประกันหลังการขายที่ยาวสักหน่อย เพื่อช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ในเบื้องต้น

5 ดูความจุของแบตเตอรี่

ก่อนการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ควรดูความจุของแบตเตอรี่ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง จะมีผลต่อระยะทางในการวิ่ง ยกตัวอย่างเช่น แบตเตอรี่มีความจุ 60-90 กิโลวัตต์ รถจะสามารถวิ่งได้ในระยะทาง 338-473 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้งซึ่งก็ต้องมานั่งคำนวณดูแล้วว่าเพียงพอต่อความต้องการของคุณแล้วหรือยัง เพราะถ้ายิ่งเพิ่มความจุของแบตเตอรี่ ราคาก็จะยิ่งสูงขึ้นตามแน่นอน

6 ดูงบในการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า

อย่างที่ได้บอกไปในเรื่องของความจุแบตเตอรี่ ราคาซื้อขายรถยนต์ไฟฟ้าเริ่มต้นจะอยู่ที่ประมาณ  250,000 บาท แต่จะสามารถวิ่งได้ต่อรอบการชาร์จเพียง 75-100 กิโลเมตร แต่ถ้าอยากได้วิ่งไกล ๆ หน่อย 300 กิโลเมตรขึ้นไป ก็ราคาเฉียดล้าน หรือบางคันก็เกินล้านไปเลยหากเป็นรถยี่ห้อหรู ทั้งนี้คุณก็ต้องชั่งน้ำหนักในการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าให้ดี ว่าคุ้มค่าหรือไม่

เมื่อได้ดูครบ 6 ข้อนี้แล้ว ก็ต้องถามตัวเองแล้วล่ะ ว่ายังอยากซื้อรถยนต์ไฟฟ้าอยู่อีกไหม ใครที่คิดว่าซื้อรถยนต์ไฟฟ้าเพียงแค่จะได้ประหยัดน้ำมัน ก็ต้องคิดให้ดีสักหน่อย เพราะปัจจุบันยังมีสถานีรองรับการชาร์จไฟฟ้าไม่มาก อาจยังไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่ แต่ถ้าใครที่ยังอยากได้รถยนต์ไฟฟ้ามาครอบครองก็จัดเลย! แต่แนะนำให้เลือกทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ไว้ เพื่อที่จะได้ช่วยคุ้มครองรถของคุณได้รอบด้าน ถ้าจะให้ดีต้องเป็นประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ Rabbit Care เพราะเรามีบริการสุด Exclusive เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่คุณเจ้าของรถ ซึ่งบริการของเรา ได้แก่ บริการ Send Driver Home  เบิกค่าบริการใช้รถสาธารณะในกรณีรถส่งซ่อม บริการ Roadside Assistance 24 ชั่วโมง บริการ Emergency Coordination ช่วยเหลือเร่งด่วน และบริการ Car Replacement รถยนต์สำรองไว้ใช้งาน สามารถเข้ามาดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://rabbitcare.com/car-insurance/type1